skip to Main Content
ขอต้อนรับเข้าสู่ บล็อกสุขภาพ : Health Blog 66-82-339-9047 Line ID: ciham35

การล้างตับ (Liver Flush)

การล้างตับ

การล้างตับด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน การมีสุขภาพที่ดีย่อมเป็นสิ่งที่เราทุกคนปรารถนา คุณว่าจริงไหมครับ? มาวันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ มานำเสนอและหากท่านใดสนใจในรายละเอียดและวิธีการจะนำไปใช้ทำกับตัวเองเพื่อมีสุขภาพที่ดีก็ไม่ว่ากันครับ พร้อมสนับสนุนอีกต่างหาก เพราะบล็อกสุขภาพแห่งนี้ก็พร้อมนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้แก่ท่านผู้อ่านอยู่เสมอ และหากท่านใดมีคำแนะนำติชมก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ส่งกันเข้ามาได้ทั้งจากส่วนของ Comment ด้านล่างของบทความหรือในหน้าของ “ติดต่อกับผม” ผมเองน้อมรับทุกประการ

ผมคงไม่วิชาการอะไรมากมายกับคุณผู้อ่านหรอกนะครับเพราะเท่าที่หาอ่านใน Internet นี่ก็เหนื่อยแล้วหล่ะ จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเมล์แบบส่งต่อกันมานั่นแหละครับ พอเห็นเข้าก็สนใจเพราะผมเองก็ทำบล็อกแห่งนี้ขึ้นมาแล้ว อะไรดีก็นำมาบอกต่อกัน เพราะคุณจะทำหรือไม่นั่นก็ขึ้นกับตัวคุณเอง ผมไปบังคับไม่ได้ และผมก็นำวิธีการและประสบการณ์ที่ตัวเองได้ทำมาเล่าสู่กันฟังอีกที อ่ะ…เรามาเข้าเรืองกันดีกว่า

ทำไมต้องล้างตับ?

สาเหตุที่เราต้องมาล้างตับกันเป็นเพราะ ตับของคนเราจะทำหน้าที่ในการดูดซับสารพิษที่มาจากอาหารหรือที่ร่างกายได้รับเข้าไปด้วยวิธีการต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างน้ำดี ซึ่งออกมาในลำไส้  ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อยและดูดซึมง่ายขึ้น และยังช่วยขับสารพิษจากลำไล้ที่จะส่งเข้ากระแสเลือดอีกด้วยทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ดักจับและทำลายเชื้อโรค ซึ่งหากตับไม่สามารถทำงานได้ดี ตับก็จะเป็นฝ่ายถูกทำลายเสียเอง และการล้างตับยังเป็นการช่วยป้องกันและลดปริมาณนิ่วในถุงน้ำดีและตับอีกทางหนึ่ง

การล้างตับต้องเตรียมอะไรบ้าง?

สำหรับวิธีที่ผมทราบมานั้น เป็นของที่หาได้จากในบ้านเรานี่แหละ ผมหมายถึงในประเทศเรา เพราะมีแหล่งอ้างอิงจากนักวิชาการและผู้รู้ต่างๆ มากมายที่เป็นชาวต่างชาติ คุณอาจจะคิดว่ามันต้องหาสิ่งของต่างๆ ยากแน่ๆ เลย คำตอบคือ “ง่ายมากๆ” ตามนี้ครับ

1.น้ำแอปเปิ้ล 5 กล่อง (ผมใช้แบบสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้านั่นแหละ) ถามว่า “แล้วมันจะดีเหรอ? ไม่ได้ทำเองหรือคั้นเองสดๆ…” อันนี้ผมไม่ทราบว่าคุณมเวลาทำไหมล่ะครับ แล้วที่ว่าสดน่ะ กว่าแอปเปิ้ลจะมาถึงมือคุณมันลืมต้นไปกี่วันแล้วครับ?

2.ดีเกลือ 4 ช้อนชา (ใช้ครั้งละ 2 ชช. จำนวน 2 ครั้ง) หาซื้อได้จากร้านขายยาแผนโบราณ หรือร้านสมุนไพรได้ทั่วไปนะครับ

3.มะนาว 4-6 ลูก

4.น้ำมันมะกอก 100 มล. (สำหรับผมใช้น้ำมันงา) น้ำมันงามีประโยชน์ยังไง ลองอ่านที่นี่ดูนะครับ

ทำไมต้องเป็น 4 อย่างนี้มันดียังไง?

ก็เพราะว่าน้้าแอ๊ปเปิ้ลอุดมไปด้วยกรด malic ซึ่งจะเข้าไปท้าละลายให้ก้อนแข็งๆ ในตับนั้นอ่อนตัวลง สำหรับดีเกลือ จะช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆ รู้สึกผ่อนคลายรวมทั้งช่วยให้ท่อน้้าดีขยายตัวออกได้ดี ท้าให้นิ่วนั้นผ่านออกมาได้ง่าย มะนาวมีวิตามินซีสูงและช่วยทำให้การกินน้ำมันงาของผมมีรสชาติดีขึ้น (ผมว่างั้นนะ) และสุดท้ายน้้ามันมะกอกจะช่วยกระตุ้นการขับของนิ่วหรือก้อนแข็งๆ ภายในตับออกมาง่ายขึ้น

การล้างตับควรทำเมื่อไร และถี่บ่อยแค่ไหน?

อันนี้มีหลายท่านที่ได้ทดลองกันนะครับ โดยส่วนมากทำช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยเริ่มจากวันเสาร์ เพื่อที่ว่าคุณจะได้พักผ่อนในวันอาทิตย์นั่นเอง แต่โดยวิธีการของผมจะเห็นว่าผมใช้น้ำแอปเปิ้ล 5 กล่องเท่ากับดื่มวันละกล่อง 5 วัน จันทร์-ศุกร์ โดยทานได้ทั้งวันและระหว่างวันก็ทานผักผลไม้ให้มากกว่าปกติและลดอาหารที่มีไขมันสูง พอวันเสาร์ตั้งแต่อาหารมื้อแรกก็ทานคล้ายกับ 5 วันที่ผ่านมาและลดอาหารตั้งแต่บ่าย 2 โมง แล้วเริ่มกระบวนการขั้นสุดท้ายตั้งแต่ 6 โมงเย็นของวันเสาร์ โดยคุณอาจจะเว้นไว้สัก 1 อาทิตย์และทำใหม่อีกครั้งก็ได้ อย่างคุณเริ่มทำประมาณวันที่ 1-7 ครั้งต่อไปก็เริ่ม 15-17 อะไรทำนองนี้ ก็จะมีเวลาพัก 1 อาทิตย์ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรดูสภาพร่างกายของคุณด้วยในเวลานั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นผมเอง ครั้งแรกที่ทำผมเพลียมาก (อ้อ…ลืมบอกไปว่าการล้างตับของผมครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว) แต่มาครั้งนี้ผมรู้สึกดีขึ้น เบาตัว และโล่งๆ ยังไงบอกไม่ถูกครับ และสิ่งที่เน้นย้ำเลยห้ามกระทำเด็ดขาดสำหรับการล้างตับนั่นคือ “ขณะคุณป่วยหรือไม่สบาย”

วิธีการและประสบการณ์หลังจากผ่านกระบวนการ “ล้างตับ”

1.เริ่มด้วยการดื่มน้ำแอปเปิ้ลติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน สมมุติว่าเป็นวันจันทร์-ศุกร์ละกัน โดยระหว่างวันคุณทานอาหารได้ตามปกติแต่งดอาหารที่มีไขมันสูงนะครับ เพื่อให้เห็นผลมากที่สุดเพราะคุณต้องการล้างตับ นั่นหมายความถึง คุณกำลังจะล้างของไม่ดีที่มีอยู่ออกไป ฉะนั้นอย่านำของใหม่ไปเพิ่มอีก เพราะไม่อย่างนั้นการล้างตับก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย (เสียเวลาเปล่า) ทานผักผลไม้ให้มากกว่าปกติ เพราะผักและผลไม้มีส่วนช่วยในการทำความสะอาดอวัยวะภายในด้วย ไม่เชื่อคุณลองทานผักผลไม้ให้มากกว่เนื้อสัตว์สิครับ เวลาคุณถ่ายลองสักเกตุดูว่ามีเมือกที่ทวารหนักคุณมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับตอนคุณทานผักผลไม้น้อยๆ

2.แบ่งเป็นช่วงเวลาอย่างนี้นะครับ เมื่อเริ่มเข้าวันที่ 6 (วันเสาร์)

  • คุณควรหยุดทานอาหารทุกชนิดหลังบ่าย 2 ทานได้แต่น้ำเปล่า
  • 6 โมงเย็นดื่มน้ำอุ่นที่ผสมดีเกลือปริมาณ 2 ช้อนชา ทีนี้บางคนอาจจะถามว่า แล้วถ้ายังไม่เลิกงานล่ะหรือยังกลับไม่ถึงบ้านล่ะ อันนี้ก็ขยับเวลาได้นิดหน่อยแต่อย่านานเกินนะครับ
  • 2 ทุ่ม (20.00 น.) ดื่มน้ำอุ่นผสมดีเกลืออีกครั้งๆ ละเท่าๆ กันนั่นแหละ
  • 4 ทุ่ม (22.00 น.) หลังจากคุณเตรียม น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา (เลือกเลยครับตามชอบ สำหรับผมใช้น้ำมันงา) 100 มล. ผสมน้ำมะนาว (บีบเอาแต่น้ำนะจำนวน 6 ลูก) ถามว่าแล้วไปเตรียมตอนไหนเนี่ย ก็ระหว่างเวลานั่นแหละครับ เพราะระหว่างนั้นคุณจะรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อยในท้องคุณ (แต่สำหรับผมระหว่าง 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่มเนี่ย แวะไปพูดคุยกะห้องน้ำ 2-3 รอบแล้ว) ตอนดื่มนี่แหละครับ “ช่วงเวลาวัดใจ” เพราะตอนผมดื่มน้ำมันงาผสมมะนาวเนี่ย ดื่มเสร็จแล้วไม่ทันไรทำท่าจะอาเจียนซะงั้น แนะนำว่าอย่าก้มหน้าหรือตัวนะครับมันจะทำให้ที่ดื่มไปน่ะออกมาหมด แนะให้นอนราบกับพื้นหรือเงยหน้าขึ้น มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ครับนับ 1 ไม่ทัน 3 น่ะครับก็จะหายเป็นปกติ

พอเช้าวันอาทิตย์ก็อาจจะรู้สึกเข้าห้องน้ำมากกว่าปกตินิดหน่อย เหมือนจะท้องเสียแต่ไม่ใช่ครับทำใจสบายๆ ระหว่างนี้ก็ลองสังเกตุดูครับว่าพบอะไรบ้าง บางคนจะเห็นลักษณะก้อนสีเขียวๆ ลองหยิบมาบีบดูมันจะหนืดๆ เหมือนคุณบีบดินน้ำมันประมาณนั้น (อ้อ…ไม่ต้องอายครับ ของๆ ตัวเองหยิบเลยไม่ใช่ใครอื่น 555+) บางทีก็ลอยเป็นแพอยู่ที่ผิวน้ำในชักโครก สำหรับผมเป็นลักษณะลิ่มขาวๆ เข้าใจว่าเป็นจำพวกไขมันน่ะครับ หลังจากถ่ายเสร็จ ให้พักสัก 1-2 ชั่วโมงนะครับ อย่าเพิ่งจัดหนัก เพราะร่างกายยังไม่ฟื้นเท่าไร ให้เขาพักหน่อยนะ แล้วจากนั้นก็ตามแต่ชอบเลยครับ

วิธีการท้าความสะอาดตับวิธีนี้ปลอดภัยมาก ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลจากการท้าขั้นตอนเหล่านี้ ไม่มีแม้แต่ความเจ็บปวดแค่รู้สึกเหมือนท้องเสียเท่านั้น ขั้นตอนเหล่านี้นั้นขัดแย้งกับการรักษาทางการแพทย์สมัยใหม่อยู่บ้าง เพราะบางลักษณะแพทย์สมัยใหม่จะพบได้ก็ต่อเมื่ออาการแสดงออกมาให้เห็นแล้วเท่านั้นเพราะเมื่อเวลาที่เจ็บปวดขึ้นมาฉับพลัน จะพบว่ามีการอักเสบบริเวณนั้น เมื่อก้าจัดเอานิ่วหรือสิ่งตกค้างเหล่านั้นออกไป ความเจ็บปวดหายไป แต่อาการอักเสบและอาการอื่น ๆ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารนั้นยังคงอยู่

References:

1. Bucci LR, Hickson JF, Wolinsky I, et al. Ornithine supplementation and insulin release in bodybuilders. Int J Sport Nutr 1992;2:287–91.

2. Fogelholm GM, Naveri HK, Kiilavuori KT, et al. Low-dose amino acid supplementation: no effects on serum human growth hormone and insulin in male weightlifters. Int J Sport Nutr 1993;3:290–7.

3. Lambert MI, Hefer JA, Millar RP, et al. Failure of commercial oral amino acid supplements to increase serum growth hormone concentrations in male body-builders. Int J Sport Nutr 1993;3:298–305.

4. Bucci L, Hickson JF et al. Ornithine ingestion and growth hormone release in bodybuilders. Nutr Res 1990;10:239–45.

5. Elam RP, Hardin DH, Sutton RA, et al. Effects of arginine and ornithine on strength, lean body mass and urinary hydroxyproline in adult males. J Sports Med Phys Fitness 1989;29:52–6.

6. Cynober L. place des nouveaux substrats azotés en nutrition artificielle périopératoire de l’adulte. Nutr Clin Métabole 1995;9:113 [in French].

7. Brocker P, Vellas B, Albarede JL, Poynard T. A two-centre, randomized, double-blind trial of ornithine oxoglutarate in 194 elderly, ambulatory, convalescent subjects. Age Ageing 1994;23:303–6.

8. Stauch S, Kircheis G, Adler G, et al.. Oral L-ornithine-L-aspartate therapy of chronic hepatic encephalopathy: results of a placebo-controlled double-blind study. J Hepatol 1998;28:856–64.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back To Top