รู้จักตัวเองบ้างไหม?
มาพบกันอีกครั้งนะครับในวันนี้หลังจากห่างหายไปพักใหญ่ ก็ทำนั่นนี่ไปเรื่อยน่ะครับและได้พบเจอเรื่องราวดีๆ เมื่อไหร่ก็จะได้นำมาบอกเล่าสู่กันฟังเหมือนเช่นวันนี้ จากเมื่อวันเสาร์ที่ได้ไปปฐมนิเทศเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยมาก็ไปด้วยความบังเอิญนั่นแหละครับ ตอนแรกก็รู้สึกเกร็งๆ นะเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง พอผู้บรรยายมาถึงและประกอบกับความเป็นกันเองของเขาก็ทำให้คลายความกังวลไป จริงๆ ก็มีหลายเรื่องที่ได้รับฟังในวันนั้นแต่ก็มาสะดุดกับเรื่องของ “นิ้วมือ” นั่นแหละครับ จะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเท่าไรนักสำหรับหัวข้อนี้ แต่ท่านผู้บรรยายก็ทำให้เข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างง่ายๆ ลองมาดูกันนะครับว่าคุณจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
หากถามถึงเรื่องของนิ้วมือแล้วคงไม่ต้องถามอะไรมากนัก หลายท่านคงจะตอบผมได้ในทันทีว่า “ห้านิ้วไง” “มีนิ้วโป้งถึงนิ้วก้อยไง” “เป็นจุดสะท้อนของร่างกายไง” ฯลฯ ผมไม่เถียงครับสำหรับคำตอบเหล่านั้นเพราะตอนแรกผมก็คิดในใจไว้ประมาณนั้นเหมือนกัน แต่ผมไปมองถึงจุดสะท้อนเป็นประเด็นหลัก เพราะหัวข้อในวันนั้นทำให้ผมมองอยู่ประเด็นเดียวก็คือ เรื่องของการแพทย์แผนไทย พลางคิดว่า นิ้วไหนแทนจุดสำคัญอะไรในร่างกายเราบ้าง แต่คำตอบที่ได้รับ ไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้เลยแม้แต่น้อย แต่ผู้บรรยายมุ่งประเด็นไปที่ “ความสำเร็จ” ครับ คุณอ่านไม่ผิดครับผมเองก็ฉงนอยู่ครู่ใหญ่เหมือนกันว่า นิ้วมือไปเกี่ยวอะไรกับความสำเร็จ
หลายต่อหลายครั้งหากเราถามว่าดาราคนนั้นคนนี้ หรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ (ที่ไม่ใช่เรื่องของเรา) เรามักจะตอบกันได้ไม่มากก็น้อย อย่างไรซะ 2-3 ข้อต้องมีให้เห็น ผู้บรรยายเลยชี้ให้เห็นถึงเรื่องใกล้ตัวสุดๆ นั่นก็คือ นิ้วมือของเราเอง เพราะพอเอาเข้าจริงๆ แล้วกลับไม่มีใครในห้องตอบได้ว่ามีความสำคัญอย่างไร แต่ผู้บรรยายก็ได้อธิบายไว้ดังนี้
1.นิ้วโป้ง หมายถึง ความสำเร็จ
2.นิ้วชี้ หมายถึง อำนาจ
3.นิ้วกลาง หมายถึง ความคิด ความรู้ และการใช้สมอง (สมองส่วนกลาง) เพราะสิ่งใดก็ตามที่สำคัญและมีเพียงหนึ่งมักจะอยู่ตรงกลาง
4.นิ้วนาง หมายถึง ความมีวาสนา ซึ่งปกติไว้สวมแหวนหมั้น แหวนแต่งงานไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
5.นิ้วก้อย หมายถึง ความรัก ความศรัทธา และมิตรภาพ
ถึงตอนนี้แล้วผู้บรรยายก็ได้สรุปให้พวกเราทุกคนในห้องฟังกันแบบองค์รวมกันอีกครั้งว่า ไม่ว่างานที่เราทำ คิดจะทำ ตั้งใจทำ หรือคาดว่าจะทำขอให้เราทุกคนทำด้วยความรัก ความเข้าใจและเชื่อมั่น เมื่อเรามีโอกาสได้ทำแล้ว (หรือหมายถึงการมีวาสนานั่นเอง) ก็จงใช้ความรู้ความคิดที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และใช้สมองทุ่มเทให้กับงานนั้นๆ เมื่อเราทำงานชิ้นนั้นๆ ด้วยสติปัญญาและมันสมองของเราแล้ว หรือมีความเข้าใจในงานแล้ว เราก็สามารถบอกกล่าวแก่คนอื่นให้ได้ทำตามอย่างเรา หรือหากเรามีลูกน้องก็เหมือนกับการที่เราสามารถอธิบายและสั่งการให้เขากระทำได้ถูกต้อง ซึ่งเหมือนกับการมีนิ้วชี้ (นิ้วแห่งอำนาจ) เมื่อนั้นเราก็สามารถไปสู่ความสำเร็จที่ต้องการได้ในที่สุด
ผมแทบไม่อยากเชื่ิอเลยว่าผู้บรรยายท่านนี้มีความคิดที่แยบยลจริงๆ แม้แต่เรื่องเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำมาเป็นประเด็นให้แก่ผู้เข้าอบรมได้ใช้ฝึกคิด สังเกตุและติดตามได้อย่างไม่มีที่ติ ซึ่งสำหรับบทความนี้ผมแค่อยากจะชี้ให้ท่านผู้อ่านได้เห็นความจริงบางประการ ซึ่งเราอาจจะละเลยกันไปเพียงเพราะมองว่าเป็นประเด็นเพียงเล็กน้อย หากแต่สังเกตุเพียงนิดท่านจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ยากเลยนะครับ แล้วพบกันบทความหน้านะครับอย่าลืมนะครับ “สุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง”